"ขนมช่อม่วง" เป็นอาหารว่างชาววังโบราณที่จัดว่าหาทานได้ยากแล้ว เพราะเป็นขนมที่ทำค่อนข้างยาก ต้องใช้ศิลปะและความอดทนในการทำ ขนมช่อม่วงนั้นมีหน้าตาเป็นรูปทรงดอกไม้ที่ประณีตอ่อนช้อย มีสีสันเป็นสีม่วงอ่อนที่สวยงาม นอกจากหน้าตาที่น่าทานแล้ว ยังมีรสชาติอร่อย น่าหลงไหล หากใครได้รองชิมรับรองว่าติดใจแน่นอน กินคู่กับผักกาดหอม ผักชี และพริกขี้หนู วันนี้ครัวหลังบ้านเราเลยนำสูตรและวิธีการทำ "ขนมช่อม่วงแสนอร่อย" เราไปดูส่วนผสม และวิธีการทำกันเลยค่ะ
ส่วนผสม ไส้ช่อม่วง
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• หมูสามชั้นต้มสุก 1/4 ถ้วย (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
• ฟักเชื่อมแห้ง 150 กรัม (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• งาขาวคั่ว 50 กรัม
• ถั่วลิสงคั่ว 50 กรัม
ส่วนผสม แป้งช่อม่วง
• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
• ดอกอัญชัน 10 ดอก
• แป้งมันสำปะหลัง เล็กน้อย (สำหรับทาแหนบตอนจับจีบขนม)
• ผักกาดหอม สำหรับเสิร์ฟ
• กระเทียมเจียว (โรยหน้า)
• พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)
อุปกรณ์ที่ควรมี
• กระทะทองเหลือง
• แหนบทองเหลืองสำหรับจับจีบ
• ชุดนึ่ง
วิธีทำไส้ขนมช่อม่วง
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป เอาหมูสามชั้นที่หั่นไว้ลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง รอจนน้ำมันหมูออกมาและหมูเริ่มสุกสีเหลือง
2. ใส่ฟักเชื่อมลงไปผัดใช้ไฟอ่อน ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย ใส่งาขาวและถั่วลิสงลงไป ผัดให้เข้ากันดีจนแห้ง ตักใส่ชาม เตรียมไว้
วิธีทำแป้งขนมช่อม่วง
1. ร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกัน 2-3 รอบจนเนียนละเอียด
2. ใส่น้ำมันพืชลงไป ค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าและน้ำดอกมะลิลงไปจนหมด ใช้มือขยำคนนวดส่วนผสมแป้งให้ละเอียดเข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน
3. คั้นน้ำดอกอัญชันแล้วบีบน้ำมะนาวลงไป เทใส่ลงในส่วนผสมแป้ง 1 ถ้วยคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมแป้งลงในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมร่อนจากกระทะ ประมาณ 5-10 นาที ตักใส่ภาชนะ พักไว้จนแป้งเริ่มอุ่น
5. โรยแป้งนวลลงไปเล็กน้อยแล้วลงมือนวดแป้งให้เนียนแล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางหมาด ๆ เพื่อไม่ให้แป้งแห้ง
วิธีทำดอกช่อม่วง
1. เริ่มทำดอกช่อม่วงโดยปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 3/4 นิ้ว แล้วแผ่แป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ กะพอให้หุ้มไส้ได้จนมิด ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ลงไปแล้วห่อจากมุมเข้าหากัน จากนั้นใช้มือคลึงให้แป้งหุ้มไส้จนมิด ทำจนหมด เตรียมไว้
2. เริ่มทำจีบโดยเอาทาแป้งข้าวเจ้าที่ปลายแหนบทองเหลืองเล็กน้อย เริ่มจับจีบชั้นที่ 1 โดยจับจากกึ่งกลางของขนม จับจีบวนไปเรื่อย ๆ จนครบรอบ (อย่าจับจีบให้ติดกันมาก)
3. เริ่มชั้นที่ 2 โดยจับจีบให้เอียงจากชั้นแรกเล็กน้อย (ประมาณ 45 องศา) และสับหว่างกันกับชั้นแรก จับจีบจนครบรอบ
4. เริ่มจับจีบชั้นที่ 3 ประมาณ 2-3 จีบและสับหว่างกันกับกลีบชั้นที่ 2
5. นำไปเรียงบนใบตองที่ทาน้ำมันแล้วในชุดนึ่ง โดยวางเรียงห่างกันเล็กน้อยเวลาสุกจะได้ไม่ติดกัน
6. ตั้งชุดนึ่งใช้ไฟแรง รอจนน้ำเดือดจัดจึงนำขนมไปนึ่งนานประมาณ 5 นาที
7. พอสุกแล้วนำช้อนจุ่มน้ำมันพืชตักช่อม่วงใส่จาน เสิร์ฟคู่กับผักกาดหอม และพริกขี้หนูสวน
เคล็ดลับ การทำขนมช่อม่วง
1. หากไม่ต้องการให้ช่อม่วงออกมามีสีเข้มเกินไป ให้ค่อยๆ ใส่น้ำอัญชันลงในแป้งที่ละนิด จนกว่าจะได้สีที่พอใจจึงหยุดใส่
2. ตัวแป้งที่ทำพักไว้ ควรคลุมด้วยผ้าขาวบางอย่าให้โดนอากาศ เพราะจะทำให้แป้งแห้งได้ เวลานำมาห่อจะแตกตัว
3. การนำแป้งมาปั้นรวมกับไส้นั้น ให้หยิบออกมาทีละหนึ่งก้อน และเมื่อทำจับจีบ หนีบให้เป็นกลีบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้นำใส่กลับเข้าไปในผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้ตัวแป้งแห้งแข็ง
ปัจจุบันนี้ "ขนมช่อม่วง" หาทานได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นอาหารว่างชาววังที่ต้องใช้ความประณีตพิถีพิถัน ในการปั้นแป้งและจับจีบให้สวยงาม เราเลยอยากจะชวนเพื่อนมาฝึกทำ เพื่ออนุรักษ์ขนมไทยโบราณให้ยังคงอยู่ เราจะได้กินขนมอร่อยๆ แบบนี้ไปอีกนานเท่านาน
>> วิธี เล่น ป๊อก เด้ง <<
ลงทุนเดิมพันอย่างมั่นใจโดยทีมงานคุณภาพที่ดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมงที่ OHO999.com